การวอร์มอัพ (Warm Up) ก่อนออกกำลังกาย จำเป็นไหม?

หลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะรีบออกกำลังกาย โดยที่ไม่ยอมทำการวอร์มอัพ แต่คุณรู้ไหมว่าการวอร์มอัพก่อนทำกิจกรรมหนักๆนั้นมีส่วนช่วยในด้าน สรีระ และจิตใจอยู่

วอร์มอัพ (Warm Up) ช่วยอะไรบ้าง:

การวอร์มอัพเป็นการเตรียมความพร้อมของ หัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อก่อนที่ใช้พละกำลังหนักๆ ทาง American College of Sports Medicine (ACSM) ได้เปรียบเทียบการวิร์มอัพ ว่าเหมือนเรากำลังขับรถเข้าสู่ช่องทางหลักแล้วต้องใช้ทางเบี่ยง และทางเบี่ยงนี้เองก็จะเป็นตัวช่วยลดอุบัติเหตุให้น้อยลง

*สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราวอร์มอัพ

1.อุณหภูมิกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น – กล้ามเนื้อจะเกร็งตัวได้ดีกว่า และพักไวขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการยืดมากเกินไปที่จะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ อุณหภูมิร่างกายก็จะขึ้นตามไปด้วย ทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นที่จะเพิ่มความเร็วและแรงได้

2.อุณหภูมิเลือดสูงขึ้น – เมื่ออุณหภูมิเลือดสูงขึ้นแล้วส่งผ่านกล้ามเนื้อ ทำให้การเชื่อมต่อของออกซิเจนกับ hemoglobin อ่อนลง แล้วออกซิเจนจะพร้อมใช้ให้กับกล้ามเนื้อมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มความอึดนั้นเอง

3.หลอดเลือดขยาย – การเพิ่มการไหล่เวียนของเลือด จะช่วยให้ทำงานเครียดน้อยลง

4.เพิ่ม ROM (Range of Motion) – ทำให้ข้อต่อ เคลื่อนตัวได้มากที่สุด

5.ช่วยเลี่ยง Overheat – เป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อ ว่าจะมีการใช้งาน และต้องการระบายความร้อนออกมา เพื่อให้ทำกิจกรรมที่เน้นความอึดให้อึดขึ้น เช่น วิ่ง

6.สร้างความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน – ร่างกายเรามีการใช้ฮอร์โมนหลากหลายที่ทำให้เราใช้พลังงาน ในส่วนของวอร์มอัพ จะสร้างบาลายซ์ของฮอร์โมน ให้เตรียมการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและไขมันมากขึ้น

7.เตรียมพร้อมจิดใจ – การวอร์มอัพ เหมือนเป็นการนั้งสมาธิ ทำให้เราโฟกัส สมองปลอดโปร่ง วางแผนว่าจะทำอะไรดีต่อ และดีมากสำหรับนักกีฬาที่ต้องเตรียมตัวแข่งขัน

**ทาง ACSM ได้แนะนำว่าเราควรวอร์มอัพแบบเบาไปปานกลาง ระหว่าง 5 ถึง 10 นาทีก่อนทำกิจกรรมต่างๆ

การวอร์มแต่ละอย่างควรขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังจะออกกำลังกายอะไร

Case 1: หากคุณกำลังจะไปวิ่ง
ให้ลองเดินช้าก่อนสัก 5-10 นาที หรือทำ Dynamic Stretching ที่ต้องยืดและเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว

Case 2: เล่นเวทเทรนนิ่ง
ลองวอร์มพวกท่าที่โดนข้อต่อ เช่น Dumbbell Upright External/ Internal Rotation หรือยืดเบาๆไปกับ Static Stretching ที่เน้นการยืดแบบค้างไว้ ลดอาการบาดเจ็บเมื่อเรายกอะไรหนักๆ

————————————————————————

โหลดแอพพลิเคชัน CalCal แบบฟรีๆ ได้แล้วใน App Store และ Google Play

iOS: bit.ly/CalCaliOS
Android: bit.ly/CalCal

————————————————————————

สำหรับคนที่มีคำถามเกี่ยวกับการออกกำลังกาย สามารถคอมเม้นได้ในโพสนี้เลยค่า เดี๋ยวโค้ชบีมจะมาตอบในทุกๆข้อสงสัยให้เพื่อนๆเอง ส่วนสำหรับใครที่สนใจจะออกกำลังกาย เปลี่ยนแปลงหุ่น เปลี่ยนชีวิตตัวเอง สามารถติดต่อโค้ชบีมด้วยการเรียนแบบตัวต่อตัว PT (Personal Trainer) และแบบกลุ่ม นัดเจอกันที่ฟิตเนสหรือตามบ้าม ตามคอนโด สอนตรงตามเป้าหมายของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นแบบลดน้ำหนัก เพิ่มน้ำหนัก สร้างกล้าม หรือให้ใช้ชีวิตดีย่ิงขึ้น และอีกส่วนนึงคือแบบ “1-on-1 Online Training” ที่จะสอนแบบเทรนออนไลน์ สอนโดยที่นักเรียนไม่ต้องนัดเจอกัน เรียนผ่านแอพพลิเคชั่น Line โดยโค้ชบีมจะจัดตารางออกกำลังกาย ตารางอาหารให้ตรงตามเป้าหมายผู้เรียนอีกด้วย

#fitwithbeam #ฟิตกับบีม #CalCal #LifestyleCalorieManagement#สุข(ภาพ)นิยมในแบบของคุณ